วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ชีวิตในโรงแรม...เพราะเหตุน้ำท่วม...ต้อง "เรียนรู้" เพื่ออนาคต


ชีวิตในโรงแรม...เพราะเหตุน้ำท่วม

อาศัยว่า...
ชีวิต "เคยชิน" อยู่บ้างกับแบบนี้
แต่ "คนอื่น" ที่ไม่เคยชินนี่...ผมว่าอึดอัดนะ

เวลาอยู่นานๆ...
ก็ทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง...

กับวิกฤติที่เกิดขึ้นนี้...
หรือเราต้อง "ปรับเปลี่ยน" วิถีชีวิตใหม่
เพื่อ "เตรียม" รับมือกับ "วิกฤติ" ในอนาคต
ที่เชื่อได้ว่า...มันต้องเกิดขึ้นอีก...
ในไม่ช้า

...
อ๋อ ครับผม



วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"ไม้จิ้มฟัน" ผู้ช่วยพระเอก..."ถึงจะแก่ แต่ก็รักสุขภาพ"

ผมเป็น "แฟนพันธุ์แท้" ของไม้จิ้มฟันครับ...
เพราะอายุมาก..ฟันมันห่าง...
ต้องหาอะไร...ทิ่มเศษอาหารออกจากฟัน...
"ถึงจะแก่ แต่ก็รักสุขภาพ" ครับผม...

http://img.kapook.com/image/health/te1.jpg

พึ่งรู้ว่า...คนไทยที่ทำธุรกิจ "ไม้จิ้มฟัน" คือ...
"จรัส ภู่ผลทาน"
ไม้จิ้มฟันของจรัส ชื่อ "แขนงไผ่" นั้น...ได้รางวัลใหญ่
รางวัลผลิตภัณฑ์ดีเด่น..
จาก World International in Thailand ๒๕๒๕ (ผมยังอยู่ประถม ๕ อยู่เลย)

สิ่งที่น่าสนใจคือ "ข้อคิดในการทำงาน" ของจรัส...
"คนเรานั้น...
หากมีความมานะ อดทน...
ตั้งใจจริง...
ไม่มองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆ...
รู้จักสังเกต...
และพยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ...
ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิต..ได้ทุกคน"

....
อ๋อ ครับผม




วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"รำวงไทยย้อนยุค" เล่นกับ "เต้นบีบอย" (B Boy Dance) - อะไรตื่นเต้นกว่ากัน ?


งานลอยกระทงปีนี้ ๒๕๕๔
ผมอยู่ที่ต่างจังหวัด..อำเภอหนึ่งทางภาคเหนือตอนล่าง
อำเภอจัดงานใหญ่พอสมควร
ผมว่าเขาทำได้สนุกสนานมากครับ

เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ
และทำให้คิดต่อ
คือ...
การนำเอา "รำวงแบบไทยย้อนยุค" มาเล่นร่วมกับ "เต้นบีบอย" (B Boy Dance)

ผมดูรำวงไทยย้อนยุค..หลายชุด
แต่ผมไม่ได้ดูเต้นบีบอย..
ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอกครับ...แต่คนมุมดูกันแน่นมาก...
"เข้าไม่ถึง"

เลยมานั่งคิดเล่นๆว่า...
ต่างจังหวัดเขาอาจจะคุ้นกับรำวง แต่ไม่คุ้นกับ "เต้นบีบอย"..
เลยมุงกันสุนกสนาน..ตื่นเต้นกันมากยิ่งกว่ารำวงเสียด้วยซ้ำ

แล้วในเมืองใหญ่ๆ..
ที่เขาว่ากันว่า...เจริญมากๆด้วยแสงสีและเทคโนโลยีล่ะ..
หากเรานำเอา "รำวงไทยย้อนยุค" ไปแสดงที่นั่น...
คนเมืองเขาจะตื่นเต้น..
มามุงดูกันแน่นขนัดแบบนี้หรือเปล่าน้า?
"เด็กแนวยุคไอโฟน/ไอแพด" จะตื่นเต้นมากกว่าหรือไม่?
หรือ...
เด็กไทยยุคดิจิตอลอาจจะพรึมพรำกันว่า...
"ลุงๆ..ทำฮ่าอะไรของลุงอ่ะ..แอ่ง...สาด...ไม่รู้เรื่องว่ะแอ่ง?"

น่าลองนะครับ...
เผื่อว่า..พิสัย...หรือ "ช่องว่าง" ระหว่างผู้ใหญ่ไทยและเด็กไทย..
มันจะลดน้อยลงไปบ้าง

...
อ๋อ ครับผม

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เกิดเป็นคนด้วยกาย หัวใจต้องเป็นอย่างสิงห์..ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ

http://coach-ampol.blogspot.com/2011/11/sarita-tae-kwon-do-asian-game-16-2010.html

"ไม่เคยมีใครคนใดที่แพ้ไม่เป็น
แต่สิ่งเดียวที่ยากเย็น
คือ..รับได้อย่างดี
...
มีบางเกมส์ที่ง่ายดาย
แต่ที่ยากก็มี

เกิดเป็นคนด้วยกาย
หัวใจต้องเป็นอย่างสิงห์
สู้ทุกเกมส์..ทุกสิ่ง
ไม่มีได้ฟรี......."

เพลง โดยพี่ป้อม อัสนีต์

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

นิสัยชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น ทำให้ "ขาดทุน" - พระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล


นิสัยชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น
 ทำให้เราไม่เคยมีความพอใจในสิ่งที่ตนมีเสียที
แม้จะมีหน้าตาดี ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่สวย
เพราะไปเปรียบเทียบตัวเองกับดาราหรือพรีเซนเตอร์ในหนังโฆษณา
การมองแบบนี้ทำให้ "ขาดทุน" สองสถาน
 คือนอกจากจะไม่มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว
 ยังเป็นทุกข์เพราะไม่ได้สิ่งที่อยาก
 พูดอีกอย่างคือไม่มีความสุขกับปัจจุบัน
 แถมยังเป็นทุกข์เพราะอนาคตที่พึงปรารถนายังมาไม่ถึง

 ไม่มีอะไรที่เป็นอุทธาหรณ์สอนใจได้ดีเท่ากับนิทานอีสป
เรื่อง "หมาคาบเนื้อ"

...
พระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิธีอยู่กับคนที่เราเกลียด - โดย ท่าน ว.วชิรเมธี

......
......

คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจ
ให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า

ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร
หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง
แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้นหันกลับมามองตัวเองดีกว่า
ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ
นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า
เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง

คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง
ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา
จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้

เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่นก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า
......
ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า

คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม

อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง
ความโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณค่าอะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้เลย
มุ่งไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า
......
ปราชญ์จีนบอกว่า ''ถ้ามีขุนเขาขวางท่านอยู่ข้างหน้า อย่าเสียเวลาย้ายขุนเขา
แต่จงย้ายตัวเอง ''

.....

โดย ท่าน ว.วชิรเมธี

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มองอะไร มองให้เห็น เป็นครูสอน - ท่านอาจารย์ พุทธทาสภิกขุ


มอง-มอง-มอง
  • มองอะไร มองให้เห็น เป็นครูสอน
    มองไม้ขอน หรือมองคน มองค้นหา
    มองเห็นความ เสมอกัน มีปัญญา
    มองเห็นว่า ล้วนมีพิษ: อนิจจัง
  • มองทุกข์สุข ก็จงจ้อง มองให้ดี
    มองว่าเป็น อย่างที่ คนเราหวัง
    มองว่าเป็น ตามปัจจัย ให้ระวัง
    มองจริงจัง ก็จักเห็น เป็นธรรมดา
  • มองโดยนัย ที่มันสอน จะถอนโศก
    มองเยกโยก มันไม่สอน ร้อนเป็นบ้า
    มองไม่เป็น โทษผีสาง นางไม้มา
    มองถูกท่า ไม่คว้าทุกข์: มองถูกจริง!
- ท่านอาจารย์ พุทธทาสภิกขุ

ที่มา http://www.watkoh.com/data/budha_dasa/look.html

"อายุ วรรณะ สุข กำลัง" ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน - ท่านพระอาจารย์ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ


เวลาพระท่านให้พรน่ะ มีคำอยู่ว่า..
“อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง”
ท่านบอกว่า...
“สิ่ง ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุข กำลัง ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นปกติ”

-ท่านพระอาจารย์ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
*ความอ่อนน้อมถ่อมตนนั้น ช่วยถอนมานะ ถอนทิฐิ ถอนความเห็นแก่ตัว

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความกลัว เป็นสิ่งที่มีอำนาจมากสิ่งหนึ่ง - ท่านอาจารย์ พุทธทาสภิกขุ


"...
บางที เราไม่ทันนึก กลัว ด้วยซ้ำไป
เรื่องนั้นก็ได้มาถึงเรา เป็นไปตามเรื่องของมัน
และผ่านพ้นไปแล้ว มันจึงมิได้ทรมานจิตของมนุษย์
มากเท่าเรื่องหลอกๆ ที่ใจสร้างขึ้นเอง 

...
...
ความกลัว เป็นเรื่องของจิต มากกว่า วัตถุ
ผู้ใด ไม่มี ความรู้ ในการควบคุม จิตของตน ในเรื่องนี้
เขาจะถูกความกลัวกลุ้มรุมทำลายกำลังประสาท
และความสดชื่นของใจเสียอย่างน่าสงสาร

ในทำนอง ตรงกันข้าม สำหรับผู้ที่มีอุบายข่มขี่ความกลัว
ย่อม จะได้รับ ความผาสุก มากกว่า มีกำลังใจ เข้มแข็งกว่า
เหมาะที่จะเป็น หัวหน้าหมู่ หรือ ครอบครัว

..."

ท่านอาจารย์ พุทธทาสภิกขุ

เราปฏิบัติธรรมะ ธรรมะก็คุ้มครองเรา รักษาเรา -ท่านพระอาจารย์ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ


ธรรมะนี่มีอยู่เป็นอยู่ตลอดเวลา
แต่เราไม่ได้ “สมาทาน”
คือไม่ได้เอามาปฏิบัติ
ธรรมะนั้นก็อยู่ตามลำพัง ธรรมะนั้นยังไม่เกิดประโยชน์แก่ใคร
เมื่อใดเราสมาทานธรรมะ เราปฏิบัติธรรมะ
ธรรมะก็คุ้มครองเรา รักษาเรา ให้มีความสุขความเจริญขึ้น

-ท่านพระอาจารย์ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มนุษย์เราจะขึ้นสูงอยู่ได้ ก็เพราะการต่อสู้อุปสรรค - หลวงวิจิตรวาทการ


ว่าวจะลอยขึ้นสูงได้ เพราะเหตุที่มีลม
ถ้าหมดลม ว่าวจะตก
มนุษย์เราจะขึ้นสูงอยู่ได้ ก็เพราะการต่อสู้อุปสรรค
ชีวิตที่ไม่เคยประสบอุปสรรค
จะหาทางก้าวหน้าไม่ได้เลย
-หลวงวิจิตรวาทการ

“อยู่เพื่อไม่ให้ใครเป็นทุกข์”-ท่านพระอาจารย์ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ


เราจะเรียนเพียงเท่านั้นไม่ได้
ต้องให้มันเกิด “การปฏิบัติ” คือ เอาไปใช้
เอาไปคิดพิจารณา
เพื่อให้เกิด “ปัญญา” ขึ้นในตัวเรา
แล้วเอาชนะธรรมชาติฝ่ายต่ำที่เกิดขึ้นรบกวนจิตใจทำให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อนใจ
อย่าให้ใครๆต้องเป็นทุกข์
อย่าเห็นแก่ตัว แต่ต้องเห็นแก่ประโยชน์ผู้อื่น
อุดมการณ์ของพระพุทธเจ้านั้นสอนเราไว้ คือ...
“อยู่เพื่อไม่ให้ใครเป็นทุกข์”
-ท่านพระอาจารย์ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

“ชีวิต คือ การต่อสู้”



“ชีวิต คือ การต่อสู้”

ในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ปลาย่อมว่ายทวนน้ำเสมอ
ปลาที่ลอยตามน้ำ ก็มีแต่ปลาตาย
มนุษย์ต้องต่อสู้อุปสรรค เหมือนปลาที่ว่ายทวนน้ำ
ผู้ที่ปล่อยโชคชะตาไปตามเหตุการณ์
ก็เหมือนคนที่ตายแล้ว

-หลวงวิจิตรวาทการ

“เครียด”...แก้ยาก...แต่ “แก้ได้” - ขับรถสิ!


หลายคน...
“เครียด”...
แต่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร...

ลองใช้วิธีนี้...
“ขับรถ” ไปที่ไหนสักที่...
ไปนอกเมืองที่มีสองข้างทางโล่งๆ...ก็ดี

ธรรมดา...เวลาเราขับรถ
เราต้องใช้ “สมาธิ” ในการขับสูง
วิธีนี้...ใช้การดึงความคิด...ให้ออกมาจากสภาวะเครียด
มาจดจ้องอยู่ที่การขับรถ
“แบบไม่รู้ตัว”

“เครียด”...แก้ยาก...แต่ “แก้ได้”

...
อ๋อ ครับผม

"ทางพ้นทุกข์" - หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ


ทางพ้นทุกข์

เมื่อมีความทุกข์เกิดขึ้น จงนึกว่า "ต้องมีสาเหตุ"
สาเหตุของความทุกข์ "อยู่ที่ตัวของเราเอง" มิใช่จากที่อื่น
สิ่งภายนอก ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ หรือคนก็ตาม มิใช่ตัวการสำคัญ

จงค้นหาสาเหตุของ "ความทุกข์ในตน" ของตนเอง

ในการจะหาสาเหตุนั้น ต้อง "ทำใจให้สงบ"
ด้วยการเข้าไปในที่สงบเงียบ...เพื่อความสงบทางใจ

การสวดมนต์ภาวนาในพุทธศาสนา ก็ต้องการความสงบใจ

เมื่อสงบใจแล้ว..จงยกเอาปัญหาความทุกข์ขึ้นมา "พิจารณา" ให้แตก
ด้วยความ "สุขุมรอบคอบ"
จนเห็นได้ชัดว่า "อะไรเป็นเหตุ" แห่งทุกข์นั้น

เมื่อพบเหตุแล้ว...
จง "แข็งใจตัดเหตุ" นั้น...ทิ้งเสีย
ต้องเข้มแข็ง (อย่าทำตนเป็นคนอ่อนแอ)

"อย่ายอมแพ้" แก่ธรรมชาติฝ่ายต่ำเป็นอันขาด

...
จาก "ทางพ้นทุกข์" - หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

...
อ๋อ ครับผม